วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

7 กิจกรรมเพื่อความสวยความงาม


7 กิจกรรมเพื่อความสวยความงาม

อบไอน้ำให้ใบหน้า
การอบไอน้ำให้ผิวหน้า เราสามารถทำเองได้ที่บ้านนี่แหละค่ะ
อุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เตรียมอ่างใบโต ๆ ต้มน้ำให้ร้อนจัด และเกลือสินเธาว์สัก 2-3 ช้อนโต๊ะ แต่ก่อนอื่นต้องทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจดเสียก่อน และจัดการรวบผมให้ เรียบร้อย เทน้ำที่เดือดจัด ๆ ลงในอ่างที่เตรียมไว้ ใส่เกลือลงไป คนให้ละลาย แล้วนำหน้าไปอังกับไอน้ำที่พวยพุ่งขึ้นมา โดยให้หน้าห่างจากขอบอ่างประมาณ 1 ฟุต อังจนกว่าไอน้ำจะระเหยหมด ซึ่งตอนนี้คุณจะเหงื่อแตกพลั่กทีเดียว
และสิ่งสกปรกรวมทั้งสารตกค้างบนผิวหน้าก็จะหลุดออกมาด้วยจึงช่วยให้ผิวหน้าสวยใสหมดจด ซึ่งเกลือสินเธาว์ที่ใส่ลงไปนั้นก็จะช่วยให้ผิวหน้าผุดผาด เปล่งปลั่งขึ้นค่ะ หลังจากขั้นตอนการอบไอน้ำเสร็จสื้นแล้ว อย่าลืมล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจัด จะเป็นการกระชับรูขุมขนบนใบหน้า และอย่าลืมเติมความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์อีกครั้งนะคะ

คลายความเมื่อยล้าให้เท้า
สาวๆสมัยนี้ ใส่ส้นสูงกันแทบทั้งวัน เพื่อคลายความเมื่อยล้าให้กับเท้า ลองหาเกลือทะเล 100 กรัม และโซเดียมคาร์บอเนต 
1 ช้อนโต๊ะ ผสมในน้ำอุ่นแล้วแช่เท้าสักพัก จะช่วยคลายความเมื่อยล้าจากเท้าได้ดี แต่ถ้าอยากจะให้เท้าสวยด้วย หลังจาก
แช่น้ำอุ่นแล้ว ก็ควรจะนวดด้วยน้ำมัน ซึ่งทำเองก็ได้ค่ะ นำน้ำมัน มะกอกหรือน้ำมันดอกทานตะวัน ผสมกับน้ำมันกานพลู
สัก 4 หยด นวดให้ทั่วเท้า นอกจากจะผ่อนคลายความเมื่อยล้าแล้ว ยังเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเท้าด้วย


ดูแลเล็บมือให้สวยชวนมอง
1. ล้างด้วยน้ำอุ่นหรือสบู่อ่อนๆ เพิ่มความชุ่มชื้นด้วยโลชั่นถนอมมือ
2. หลังจากเช็ดยาทาเล็บออกแล้ว หากเล็บมีคราบเหลือง ให้ใช้มะนาวครึ่งลูกบีบลงในน้ำอุ่น แล้วน้ำมือลงไปจุ่มสัก 15 วินาที กรดซิตริคในน้ำมะนาวจะช่วยให้เล็บขาวใสขึ้น หรืออาจจะใช้เปลือกส้มจากการคั้นน้ำ นำมาถูบริเวณซอกเล็บ ก็ได้ผลเหมือนกัน
3.หากเล็บแห้งกร้านและเปราะง่าย ให้แช่เล็บลงในน้ำมันมะกอก ผสมกับน้ำอุ่น ประมาณ 5 นาที
4. การขัดเล็บให้เรียบสะอาด จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เล็บของคุณมีสุขภาพดี การขัดเล็บหรือถูเล็บวิธีที่ถูกต้องควรทำในทิศทางเดียวกันคือจากโคนไปหาปลาย

ขัดสีข้อศอกให้หายด้านดำ
ยุคนี้ เสื้อแขนกุด สายเดี่ยว เกาะอก ยังคงครองใจสาวๆกันอยู่ จะอวดข้อศอกด้านๆ ก็กระไรอยู่ ลองใช้สำลีชุบเบบี้ออยล์ แล้วนำไปแปะที่ข้อศอกทิ้งไว้ 10 นาที ทำเป็นประจำ จะช่วยให้ข้อศอกดูนุ่มนวลขึ้น แต่ถ้าจะประหยัดกว่านั้น เปลือกมะนาวที่ฝานใช้แล้ว นำมาขัดๆถูๆ บริเวณข้อศอก ก็ช่วยให้ข้อศอกหายด้านดำได้ค่ะ


อบไอน้ำให้เส้นผม
หลังสระผมสะอาดแล้ว ให้ชโลม Hot Oil หรือ Conditioner ชนิดเข้มข้น นวดให้ทั่วศีรษะ แล้วใช้ผ้าชุบน้ำร้อน บิดพอหมาดๆ โพกศีรษะไว้ สัก 10 นาที แล้วจึงล้างออก ทำเดือนละครั้งจะช่วย ทำให้เส้นผมเป็นเงางาม ดูมีน้ำหนักขึ้น แต่ถ้าผมแห้งมากๆ ในขณะที่ผมแห้ง ให้หมักด้วยน้ำมันมะกอก แล้วอบไอน้ำร้อนด้วยวิธีเดียวกัน จะช่วยทำให้เส้นผมดูมีสุขภาพดีขึ้น

ขจัดคราบไคลให้แผ่นหลัง
หาแปรงนุ่มๆ ด้ามยาว จะได้จับถือเหมาะมือ ผสมเจลอาบน้ำ 
(กลิ่นไหนก็ได้ที่คุณชอบ) และครีมสครับ เจลจะช่วยให้เกิดความลื่น ถูแค่เบาๆและอย่าถูนานเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้งได้ หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว อย่าลืมใช้ครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับแผ่นหลังกันด้วยค่ะ


ตาช้ำ ตาโรยหรือตาบวม 
ก็ต้องฝานมันฝรั่งเป็นชื้นบางๆ นำไปแช่น้ำนมเย็นๆ สักครู่ใหญ่ โปะลงบนเปลือกตา แล้วทิ้งไว้สัก 10 นาที หรือจะใช้ถุงชาคาโมไมล์แช่เย็น ก็ได้ผลดีเช่นกัน


วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

สุดยอด ! 36 เคล็ดลับสวยง่ายๆ

สุดยอด ! 36 เคล็ดลับสวยง่ายๆ
36 เคล็ดลับสวยง่ายๆ
1. มีสิวบนหน้าเนี่ยอย่าแกะแคะเด็ดขาด จะกลายเป็นแผลเป็นไม่หายได้ ลองใช้วิธีกำจัดสิวแบบประหยัดนี้ดู >> ใช้เบคกิ้งโซดาที่มีอยู่ในครัว 1/2 ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 3 - 4 หยด แต้มหัวสิวทิ้งไว้ 20 - 40 นาที ล้างออก ทำอย่างนี้วันละครั้ง

2. เวลาใช้เมคอัพ เบส หรือรองพื้นต่างๆ ที่บอกว่ามีสารป้องกันแดดอยู่ด้วย แต่เรายังต้องใช้ครีมกันแดดทาหน้าก่อนอยู่ดีเพราะยังไงซะเมคอัพเบส หรือรองพื้น ก็ไม่สามารถปกป้องผิวจากแดดได้ดีเท่าครีมกันแดด นี่คือคำเตือน!

3. อยากให้ผิวหน้าวิ้งมีประกายวิบวับกว่าเดิม ลองหาโลชั่นที่ช่วยเพิ่มความสว่างให้ใบหน้าที่มีส่วนผสมดูเนื้อออกเป็น ประกายผสมกับรองพื้นทาบนหน้า เน้นช่วงบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก คาง หน้า จะมีโด่งสันแล้วเห็นผิวใสไปด้วยในขณะเดียวกัน
36 เคล็ดลับสวยง่ายๆ
4. อยากลงรองพื้นให้ติดทนนานและดูเนียนกับผิวที่สุด พอทารองพื้นเสร็จแล้วให้ใช้นิ้วมือสามนิ้วกดเบาๆไปทั่วผิวหน้า

5. ก่อนทาอายแชโดว์ทุกครั้ง ใช้แปรงแตะอายแชโดว์แล้ว เอามาป้ายบนกระดาษทิชชู่ หรือกับข้อมือก่อนทาบนเปลือกตา สีจะได้ไม่กระจุกเป็นปื้นบนเปลือกตาทำให้เกลี่ยได้ยาก

6. ตอนทาคอนซีลเลอร์บริเวณใต้ตา ให้ใช้แปรงป้ายคอนซีลเลอร์แล้วทาจะทำให้คอนซีลเลอร์ปกปิดรอยได้ดีกว่าใช้ นิ้วมือ และจะอ่อนเบาต่อผิวกว่า เสร็จแล้วถึงค่อยใช้นิ้วแตะแต้มกดเบาๆ บริเวณนั้นอีกครั้ง

7. บางทีเราต้องลงครีมหลายตัวด้วยกันก่อนแต่งหน้า ทั้งมอยส์เจอไรเซอร์ ครีมกันแดด เมคอัพ เบส รองพื้น ตอนทาอย่าเพิ่งรีบทาทับๆ กันไป ครีมมันจะได้ม่ได้ทำหน้าที่ของมันเต็มที่ ก่อนทาแต่ละตัวควรทิ้งช่วงห่างสัก 2 - 3 นาที

8. วิธีปรับผิวหน้าให้ดูเนียนเรียบ และเงางาม แบบไม่ต้องเนี้ยบหน้าเป็นเซรามิคเกินไป ให้แต่งหน้าโดยใช้ทั้งความเงาและความด้านผสมกัน ก่อนแต่งหน้าใช้โลชั่นที่ทำให้ผิวเป็นประกายทาทั่วหน้า แล้วใช้ผลิตภัณฑ์ทำให้ผิวแมทท์ไม่มันทาบริเวณส่วนทีโซน คือ หน้าผาก จมูก และคาง

9. มีผลิตภัณฑ์สำหรับป้องกันริ้วรอยออกมาเต็มไปหมด แต่สำหรับใครที่ผิวแพ้ง่ายแล้ว พอใช้อาจเกิดผื่นแดงได้ วิธีที่ดีกว่านั้นคือใช้คลีนซิ่งที่ผสมกรดแซลิไซลิค 2% หรือน้อยกว่านั้น นวดขัดผิวหน้าเบาๆเวลาล้างหน้า

10. ใครที่มีผิวแห้งมากๆ แนะนำว่าอย่ามาสก์หน้าด้วยโคลนทั้งหน้าเพราะการมาสก์หน้าถือเป็นการลดความ มันของผิวลง ผิวจะยิ่งแห้งเข้าไปอีก แล้วอาจเกิดเป็นสิว ให้เลือกบริเวณที่มีน้ำมันออกมาเยอะหน่อย คือ หน้าผาก จมูก คาง เท่านั้นจะทำให้ผิวไม่แพ้ง่ายได้

11. ถ้าคุณมีเวลาแต่งหน้าน้อยที่สุด ก่อนออกจากบ้านสิ่งหนึ่งที่จะทำให้คุณดูหน้าสว่างขึ้นคือ ใช้คอนซีลเลอร์สีอ่อนกว่าสีผิวทาบริเวณใต้ดวงตา ทำแค่นี้อย่างเดียวกน้าจะดูโทรมน้อยลงทันที

12. สำหรับสาวที่มีรอยสิวบนใบหน้า เวลาเลือกรองพื้น ให้เลือกสีเข้มกว่าสีผิว จะอำพรางรอยได้ดีกว่าเลือกสีอ่อน หรืออีกวิธีคือ ทาปากให้สีเด่นๆเข้าอาจะเป็นแดงอมส้ม หรือน้ำตาลแดง จะเบนความสนใจจากรอยสิวมาที่ปากคุณแทน ดูแล้วเหมือนสิวน้อยลงได้

Cheeks Tips13. เวลาปัดแก้มแล้วดูเป็นจ้ำๆ วิธีแก้คือใช้นิ้วกลางของคุณแตะตรงแก้มแล้วลากออกไปเบาๆ แล้วถ้าปัดแล้วเป็นรอยเส้นบนแก้มชัด ก็ใช้นิ้วสะอาดๆ เกลี่ยรอยตรงนั้นกับผิวของคุณเอา

14. เพื่อให้สีของแก้มติดทนนานขึ้น ใช้บลัชครีมทาพวงแก้ม เสร็จแล้วตามด้วยปัดบลัชออนเบาๆทับอีกที สีของบลัชจะติดแก้มนานขึ้น ถ้าเลือกบลัชครีมสีเข้มแล้ว ให้ใช้บลัชออนสีพอๆกัน หรือสีอ่อนกว่านิดหน่อย แต่ถ้าบลัชครีมสีอ่อน คุณสามารถปัดบลัชออนสีเข้มขึ้นได้

15. อยากให้แก้มดูมีสีแบบธรรมชาติแต่ก็ยังมีสีสันอยู่ เลือกบลัชสีน้ำตาลทองทา แล้วใช้สีชมพูทาทับเบาๆแก้มจะสวยน่ารักดูมีสุขภาพดี
Eyes Tips
16. อยากให้ตาดูวาวขึ้นตอนออกงานกลางคืนแล้วดูเป็นธรรมชาติด้วย เลือกทาอายแชโดว์สีน้ำตาลเข้มแบบมีประกายทอง แล้วใช้ลิปกลอสแบบใสหรือสีใกล้เคียงกับสีตาที่สุดแต้มนิดๆ บนเปลือกตา ตาจะดูวาวฉ่ำๆ วิธีนี้ขอแนะว่าไม่ควรทำทุกวันนะ จะดูมากเกินไปได้

17. ใครอยากแต่งตาแบบสโมคกี้อายส์ สีอายแชโดว์ที่จะทำให้ตาคุณดูสโมคที่สุดคือ สีน้ำตาล เทาและดำ

18. ไม่อยากตื่นเช้ามาแล้วตาบวม เวลานอนให้นอนบนหมอนที่สูงสักหน่อย แล้วก็อย่ากินอาหารที่มีเกลือเยอะ คอยเตรียมถุงชาเขียวแช่ตู้เย็นไว้ตลอด พอตาคล้ำหรือบวมปุ๊ปก็โปะวางที่ดวงตาจะบรรเทาลงได้

19. ตอนออกงานกลางคืน เวลาปัดมาสคาร่า ถ้าอยากให้ตาดูเด้งมากขึ้น ให้ปัดที่ขนตาล่างด้วยอีกที
Lips Tips

20. อยากทาริมฝีปากให้ดูเต็ม และน่ารัก เลือกเป็นลิปกลอสสีอ่อนกว่าสีผิวนิดนึง หรือลิปกลอสใสไปเลย ทาริมฝีปาก แล้วใช้ลิปสติกสีแดงสด หรือลิปกลอสสีแดงแต้มตรงกึ่งกลางริมฝีปากล่าง ใช้นิ้วเกลี่ยไล่ๆ จะได้ปากเต็มเรื่อดูไร้เดียงสาและเซ็กซี่

21. ใครที่มีเส้นขอบปากสีเข้ม เวลาทาลิปสติกให้ใช้ลิปสติกทาเกินเส้นขอบปากออกมานิดนึง และควรเป็นลิปสีนู้ดๆ เปลือยๆ หรือชมพูอ่อนๆ หรือใช้คอนซีลเลอร์เกลี่ยเบาๆที่เส้นขอบปากแล้วค่อยทาลิปสติก คุณจะได้ปากสีอิ่มแบบไม่เห็นเส้นหนักๆเลย

22. เวลาทาปากถ้าอยากให้ปากดูเนี้ยบตรงรอยริมฝีปากด้านล่าง เวลาทาลิปให้ใช้ลิ้นดุนริมฝีปากออกมา จะทำให้เห็นเส้นปากชัดขึ้นทาง่ายขึ้นได้

Hand & Foot Tips

23. สาวไหนรู้สึกเท้าตัวเองผิวดูคล้ำๆ แล้วเท้าไม่เรียวสวยเท่าไหร่ อยากให้เท้าดูขาวขึ้น ใช้เป็นยาทาเล็บสีแดงสดทาเล็บเท้า เชื่อเถอะเท้าคุณจะดูขาวน่ามองขึ้นมาเลย

24. เวลาทาเล็บมือด้วยตัวเอง ควรทาสีมือข้างที่คุณไม่ถนัดก่อน เพราะเรามักทาข้างนั้นพลาดมากกว่า แล้วก็จะต้องล้างออกบ่อยๆ เวลาทาก็ควรทานิ้วโป้งเป็นนิ้วสุดท้ายเพราะจะได้เก็บนิ้วโป้งไว้คอยกรีดสี เล็บอื่นๆ ที่เลอะไงล่ะ

25. น้ำตาลทรายสีรำเป็นพระเอกอีกแล้ว ใช้สัก 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำผึ้งนิดหน่อย กับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา คนให้เข้ากันใช้ขัดเท้าได้ ทำให้ส้นเท้าของคุณนุ่มขึ้นมาก

Hair Tips

26. ผลิตภัณฑ์ตกแต่งทรงผมทั้งหลายช่วยให้ผมคุณเรียงเส้นสวยก็จริง แต่ก็ทำให้ดูเหนียวเหนอะหนะได้เหมือนกัน แนะนำว่าเวลาใช้ให้ลูบตรงปลายผมก่อน แล้วค่อยๆลูบางๆช่วงเลยโคนผมมาประมาณ 2 นิ้วก็พอ ไม่ถึงกับต้องชะโลมทั้งหัวหรอกนะ

27. วิธีทำฮ้อตออยล์นวดผมแบบประหยัด ก็แค่เอาน้ำมันมะกอกในขวดแก้ว หรือเอาเบบี้ออยล์เทใส่ขวดแก้ว แช่ในน้ำร้อนทิ้งไว้ 5 นาทีให้น้ำมันอุ่นๆแล้วเอามานวดเส้นผม ฮ้อตออยล์จะเปิดเกล็ดผมทำให้เข้าไปบำรุงผมได้ดี

28. ใครที่รู้สึกว่าหนังศรีษะมันง่าย แต่ปลายผมแห้งมาก เวลาที่จะชโลมครีมนวดผม ให้นวดครีมให้ทั่ว แต่เว้นโคมผมเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องชโลมครีมนวดบนหนังศรีษะ เพราะทำให้หนังศรีษะมันง่ายและอาจเกิดรังแคได้

29. ใครที่ทำสีผมมาล่ะก็ เวลาไดร์ผมพยายามอย่าไดร์ตรงปลายผมส่วนที่อยู่รอบๆหน้านานนัก จะทำให้ปลายผมแตกแล้วยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าผมไม่มีน้ำหนัก

30. ไม่อยากให้ผมของคุณดูเรียบเนี้ยบเกินไปนัก อยากให้มันดูยุ่งนิดๆแบบมีชีวิตชีวาอยู่ด้วย ก่อนนอนให้ทำผมมวย มัดแบบไม่ตั้งใจนัก แล้วค่อยปล่อยออกตอนเช้า ปล่อยผมลง ใช้สเปรย์ฉีดนิดๆแล้วเอามือขยี้ปลายผมไม่ต้องเยอะ ผมคุณจะยุ่งแบบกำลังดี ดูเซ็กซี่เลยล่ะ

31. ใครที่กำลังไปทะเล ต้องเล่นน้ำทะเล ต้องอยู่กลางแดดนานๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผมแตกปลายมากเข้าไปอีก ก่อนไปควรหาเวลาไปเล็มปลายผมก่อน จะทำให้ปลายผมถูกทำลายน้อยลงได้

32. ถ้าคุณมีช่วงหน้าผากที่กว้างและใหญ่เกินไป ลองทำผมม้าแบบซอยไล่แสกกลางนิดๆ ผมม้าจะช่วยล้อมกรอบหน้าคุณให้ดูเรียวขึ้นได้

33. เวลาเราจะเปลี่ยนด้านแสกผมเนี่ย อาจจะจัดทรงยากสักหน่อย ตอนสระผมเปียกๆอยู่ ให้หวีผมแสกใหม่ที่คุณต้องการ แล้วใช้ไดร์เป่าผมให้แห้ง หลังจากนั้นใช้อุปกรณ์จัดแต่งผมจับให้อยู่ทรงอีกที

Body Tips

34. บอดี้ สครับ หมดกะทันหัน ทำยังไงดี วิธีแก้ง่ายๆคือ แบ่งสครับขัดผิวหน้าของแฟนคุณมาสิ มาใช้แทนกันได้เหมือนกัน เพราะเม็ดสครับสำหรับผิวหน้าผู้ชายจะเม็ดใหญ่ขนาดใกล้เคียงกับบอดี้ สครับของเราพอดี

35. อยากทำบอดี้ สครับใช้เองก็เดินเข้าครัวแล้วหาน้ำตาลทรายสีรำ ตักใส่ถ้วยสัก 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับบอดี้โลชั่นทั่วไป กะปริมาณเอาที่พอขัดได้ทั่วตัวแล้วคนให้เข้ากันเล็กน้อย ที่สำคัญอย่าผสมทิ้งไว้นานๆ เวลาจะใช้ค่อยผสมเอา ไม่อย่างนั้นน้ำตาลละลายหมดนะจ๊ะ

36. ลดความเจ็บปวดเวลาถอนขนคิ้ว ขนรักแร้ ขอบบีกินี่ลง ใช้นิ้วอีกข้างกดบริเวณใกล้เคียงกับเส้นขนที่ถอนให้มากที่สุด จะช่วยลดความเจ็บปวดไปได้เยอะเลยล่ะ

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557

ปัญหาผมร่วง-ผมบางรักษาได้


ปัญหาผมร่วง-ผมบางรักษาได้ ถ้าหมั่นดูแลหนังศีรษะและเส้นผม ตามสูตรดังต่อไปนี้ค่ะ



ปัญหาผมร่วง-ผมบาง (Woman Plus)

         เส้นผม…ก็เป็นส่วนเพิ่มความมั่นใจของสาว ๆ ในทุกครั้ง การทำสีผมที่สวยงาม การจัดแต่งทรงผมตามแฟชั่น เรื่องของทรงผมนี่ไม่เป็นรองจากการแต่งหน้าสักเท่าไหร่เลยนะคะ แต่หากเส้นผมถูกทำร้ายมากจนเกินไป หรืออาจเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์ ที่ทำให้เส้นผมของเราหลุดร่วงและเบาบางลง ทำให้เสียความมั่นใจไปมากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นเราควรรีบมาหาสาเหตุของปัญหาผมร่วงและวิธีแก้ไขกันดีกว่าค่ะ

ปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ 

        โดยในด้านพันธุกรรมถือเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งปัญหาผมร่วง ผมบาง ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในผู้สูงอายุ หรือผู้ชายเท่านั้น แต่เกิดได้กับทุกเพศ ทุกวัย อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่นที่มีความสำคัญร่วมด้วย เช่น โรคทางต่อมไทรอยด์ ความเครียด การได้รับยาบางชนิดเกินขนาด และสิ่งแวดล้อมที่พบเจอในชีวิตประจำวัน รวมทั้งการรับประทานอาหารต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการหลุดร่วงของเส้นผม การติดเชื้อต่าง ๆ หรือการจัดแต่ง การดัด การย้อม การทำสีผม

         ความจริงแล้วผมร่วง ในทางการแพทย์ ถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากผมร่วงมากกว่าวันละ 100 เส้น นั้นถือว่าผิดปกติแล้ว การร่วงแล้วไม่งอกขึ้นมาใหม่ หรืองอกขึ้นมาแต่เส้นบางลง หรือผมร่วงเป็นหย่อม ๆ เฉพาะบริเวณ โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด คือ จากกรรมพันธุ์ แต่สามารถพบได้ในร่างกายผู้หญิงในปริมาณต่ำ ๆ ฮอร์โมนนี้จะไปจับเซลล์รากผม ทำให้เส้นผมหลุดร่วง และผมที่ขึ้นมาใหม่นั้นเส้นจะเล็กลง โดยเมื่ออายุมากขึ้น ผมก็จะบางลงมากขึ้นตามอายุ



         การดูแลรักษา

          ลดการรับประทานเกลือ และน้ำตาลมากเกินไป (ผัก ผลไม้ส่วนใหญ่จะมีเกลือและน้ำตาลในตัวเองอยู่แล้ว)


         งดเหล้าและบุหรี่ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดรังแคและผมร่วงมากขึ้น


          ไม่ควรสระผมบ่อยมากเกินไป โดยทั่วไปไม่ควรเกินวันละ 1 ครั้ง ใช้แชมพูอ่อน มีส่วนประกอบเป็นแบบ organic และไม่เป็นด่างมากเกินไป


         อาจนอนให้ศีรษะต่ำกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเป็นบางช่วง (ครั้งละประมาณ 15 นาทีต่อวัน) เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปที่ศีรษะ


          นวดหนังศีรษะด้วยมือ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด อาจใช้วิตามินอี นวดเพื่อลดรังแคหรืออาจนวดด้วยน้ำมันเมล็ดอัลมอนด์ หรือน้ำมันมะพร้าว


          หลีกเลี่ยงความเครียด เนื่องจากทำให้การไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะลดลงและทำให้ผมร่วงมากขึ้น

          กินอาหารให้ครบหมู่ และถูกสุขลักษณะ อาจเพิ่มวิตามินหรือเกลือแร่แสริมในกรณีที่กินอาหารได้ไม่ครบหมู่


          ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เนื่องจากเป็นการเพิ่มการไหลเวียนเลือดทั่วร่างกาย


          ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละไม่น้อยกว่า 2 ลิตร


          หลังจากว่ายน้ำ ควรล้างผมด้วยน้ำสะอาดทันที


          หลีกเลี่ยงแดดจ้า โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10 โมงเช้า ถึงบ่าย 2 โมง แสงอัลตราไวโอเลตจะทำลายเส้นผม




          หลีกเลี่ยงสารเคมีที่ใช้กับผม เช่น การย้อมผม, ยืดผม และไม่ควรเป่าผมด้วยความร้อนบ่อย ๆ


          เลือกทรงผมที่ไม่ดึงรั้งผมมากเกินไปบ่อย ๆ เช่น การถักเปียแน่นหรือรัดผมแน่นเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดผมร่วงจากการดึงรั้งได้ และไม่ควรผูกผมขณะที่ผมยังเปียกชื้น


          การใช้เทคนิคการผ่อนคลาย หรือการนั่งสมาธิทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียด อาจช่วยลดอาการผมร่วงได้


          ไม่ควรหวีผมหรือเช็ดผมแรงเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ผมขาดหลุดร่วงง่าย


          การหมักผมด้วยสารธรรมชาติบางชนิด เช่น น้ำผึ้งผสมไข่แดง หรือ น้ำแอปเปิลหมักไว้ 1/2 ชั่วโมง แล้วล้างออกก่อนสระผม ช่วยทำให้ผมนุ่มขึ้น


          เมื่อมีปัญหาผมร่วง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ และรักษาเนื่องจากหากปล่อยไว้อาจเกิดภาวะศีรษะล้าน ซึ่งส่งผลต่อบุคลิกภาพได้




วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2557

6 วิธีถนอมผิวอย่างง่ายๆ

6 วิธีถนอมผิวอย่างง่ายๆ
ถนอมผิวสาว
วิธีที่ 1 คือการใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ครีมกันแดดก็เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดซึ่งมีส่วนทำลายผิวให้เกิดความเหี่ยวย่น การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันจึงเป็นเสมือนการสร้างเกราะคุ้มกันให้กับผิวหน้า ถ้าหากว่าคุณไม่ค่อยได้เผชิญกับแสงแดดแรง ๆ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ก็ถือว่าเพียงพอแล้วละค่ะ ในช่วงกลางวันที่แดดจ้า การหลบแดดถือว่าเป็นวิธีป้องกันผิวที่ดีที่สุด หรือถ้าต้องไปเผชิญแสงแดดในตอนกลางวันกันจริง ๆ คุณควรสวมหมวก ปีกกว้าง สวมแว่นกันแดด และใส่เสื้อผ้าโทนสีเข้ม เนื้อหนา ซึ่งจะช่วยป้องกันการทะลุผ่านของรังสี UV ทั้ง UVA ที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดผิวคล้ำและริ้วรอย UVB ที่ทำให้ผิว ไหม้เกรียมได้ในระดับหนึ่ง

วิธีที่ 2 อย่ารบกวนผิวมากเกินไป
เพราะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพผิวเลย การล้างหน้าบ่อย ๆ หรือขัดถูผิวหน้า อย่างรุนแรง ถือว่าเป็นการทำลายผิวอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวและอาจเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยและหยาบกร้านได้ โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวแห้ง การล้างหน้าอย่างถูกวิธีนั้นต้องทำอย่างนุ่มนวล คุณควรเช็ดผิวอย่างเบามือ เพื่อป้องกันริ้วรอยก่อนวัย นอกจากนี้คุณควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวด้วยเช่นกัน

วิธีที่ 3 ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ Alpha Hydroxy Acid
ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วย ผลิตเซลล์ผิวให้ขาวขึ้น และยังช่วยรักษาริ้วรอยจากแสงแดด ได้อีกด้วย ในปัจจุบันเครื่องสำอางส่วนใหญ่ก็มีส่วนผสมของ AHA ในปริมาณ 2-15% ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผิว แต่อย่างไรก็ตามคุณก็ควรหลีกเลี่ยงการตากแดดแรง ๆ เพราะ การใช้ AHA จะทำให้ผิวหน้าไวต่อแดดมากขึ้น ดังนั้นเพื่อป้องกันการแพ้ ควรใช้ครีมกันแดดร่วมด้วยเสมอ

วิธีที่ 4 การลดริ้วรอยบาง ๆ ใต้ตาด้วยเรตินอล
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ริ้วรอยใต้ตาอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความร่วงโรยของผิวได้ โดยเฉพาะผิวใต้ตา ซึ่งจะเป็นบริเวณที่ค่อนข้างบอบบาง จึงทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย หากทิ้งไว้ก็อาจกลายเป็นรอยตีนกาได้ ดังนั้นคุณควรที่จะต้อง หาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดเลือนริ้วรอยจาง ๆ ได้ดี นอกจากนี้เรตินอลยังช่วย กระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจนซึ่งทำให้ผิวหน้ามีความเต่งตึงขึ้นได้

วิธีที่ 5 การทานอาหารที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านริ้วรอย
จากการวิจัยพบว่าอาหารที่อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ และอาหารที่มีไขมันต่ำ จะช่วยให้ผิวพรรณของเราแข็งแรงพอที่จะต่อต้านสิ่งที่มาทำลายผิวให้อ่อนแอจนทำให้ เกิดริ้วรอย โดยเฉพาะแสงแดด อาหารที่ควรรับประทานเพื่อ ต่อต้านริ้วรอย คืออาหารที่มีไขมันต่ำ ลดการรับประทานเนื้อแดงและของหวาน นอกจากนี้ก็ควรเพิ่มการรับประทาน ผักใบเขียว ผลไม้ เมล็ดถั่วต่าง ๆ น้ำมันมะกอกซึ่งเป็นไขมัน ไม่อิ่มตัว รวมทั้งเมล็ดธัญพืชต่าง ๆ ซึ่งอาหารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ วิตามินเอ ซี และอี จะช่วยให้ผิวของคุณแข็งแรงและเป็นการปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำลายจากสิ่งแวดล้อมและมลภาวะภายนอก

วิธีที่ 6 การใช้ชีวิตอย่างสมดุล
ผู้หญิงทำงานทั้งหลายมีสิทธิ์ผิวหย่อนยาน ไม่สดใสได้เร็วขึ้นเนื่องจากการทำงานหนัก และไม่มีเวลาพักผ่อน นอกจากร่างกายจะอ่อนล้าแล้ว ผิวพรรณก็ดูหมองคล้ำลง ทำให้ดูโทรมคุณควรบริหารเวลาทั้งเวลางานและเวลาส่วนตัวให้มีความสมดุล และควรหาเวลาในการออกกำลังกายบ้าง รวมถึงการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นการช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรง หากคุณไม่หาเวลาคลายเครียดเสียบ้าง เมื่อปล่อย ไปนาน ๆ ผิวพรรณของคุณก็จะร่วงโรย หมดความสดใสและความเปล่งปลั่งของผิวสาวก็มิอาจกลับคืนมาได้อีก

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

สาวๆ ใส่เสื้อในกันถูกวิธีรึเปล่า? ลองมาดูกันจ้า

              สาวๆ ทุกคนต้องใส่บรากันใช่มั้ยล่ะ ถ้าอยากให้หน้าอกอึ๋ม ชิด ก็ต้องอาศัยบรานี่แหละเป็นตัวช่วย วันนี้เลยเอาวิธีใส่บราที่ถูกต้องมาฝากสาวๆ จ้า บราที่ซื้อมาจะได้ทำงานเต็มที่แบบมีประสิทธิภาพสุดๆ แถมอกเรายังได้รูปสวยอีกด้วย

1. แขวนสายบราไว้ที่ไหล่ทั้ง 2 ข้าง แล้วโน้มตัวลงไปข้างหน้า จับคัพบราให้เข้ากับหน้าอกให้พอดี
2. เอื้อมมือมาด้านหลัง ติดตะขอ ในช่วงระหว่างที่ติดตะขอ ยังค้างอยู่ในช่วงที่โน้มตัวไปข้างหน้า
3. ยืนตัวตรง ใช้ฝ่ามือโกยเนื้อหน้าอกให้เข้ามาอยู่ในคัพบรา โดยเฉพาะเนื้อล้นๆ ด้านข้างลำตัว ใต้รักแร้ เพื่อเก็บเนื้อหน้าอกให้หมด จะได้ดูมีหน้าอกมากขึ้น 
4.ทดสอบว่าบราพอดีกับตัวเรารึเปล่า โดยการสอดนิ้วชี้ไปตรงสายบราเหนือคัพของบรา ให้พอดีไม่แน่นหรือหลวมจนเกินไป
5. อันนี้สำคัญสุด เช็กกันอีกที ว่าหน้าอกของเราทั้ง 2 ข้างเท่ากันมั้ย! ส่องกระจกดู เลยจ้า ถ้าเท่ากันก็เป็นอันจบขั้นตอน ใส่เสื้อสวยๆ แล้วออกไปเดินเฉิดฉายได้เลย
แต่อย่างว่าล่ะนะ ถึงจะใส่ถูกวิธี แต่ถ้าบราไม่ได้คุณภาพ ย้วย ยืด ก็ช่วยให้อกสวยไม่ได้แน่ๆ เพราะฉะนั้น นอกจากจะใส่บราให้ถูกวิธี ต้องเลือกบราที่มีคุณภาพด้วยนะจ๊ะ อย่างตัวเรา ตอนนี้ถ้าอยากให้ทั้งอึ๋ม ทั้งชิด ก็ใช้ wacoal boost up แบบ V gel หรือถ้าอยากใส่นุ่มๆ เดินชิวๆ ไม่ต้องตู้มมากก็ใช้แบบที่มีฟองน้ำแบบ marshmallow แค่นี้อกก็อึ๋ม เพิ่มความมั่นใจให้เราได้อีกเยอะเลย สาวๆ ลองเอาไปใช้ดูน้าาาา

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

6 วิธีที่จะทำให้คุณหอมรอบกาย

        กลิ่นหอมรอบกายไม่จำเป็นต้องเกิดจากการฉีดพรมน้ำหอมตลอดทั้งวัน แต่การที่ชีวิตของคุณมีแต่ความหอมรอบกาย ย่อมทำให้คุณมีความสุขสดชื่นและผ่อนคลายมากขึ้น
6 วิธีที่จะทำให้คุณหอมรอบกาย
 
1. เวลาที่คุณสระผมเสร็จใหม่ๆ ด้วยแชมพูหอมสดชื่น ก่อนจะเป่าผมให้แห้งก็ลองหามูสหอมๆ หรือน้ำมันหอมลูบไล้ที่ผมก่อน แล้วจึงเป่าผม
2. ซักเสื้อผ้าของคุณด้วยน้ำยาซักผ้าที่มีกลิ่นหอม หยดน้ำมันหอมระเหยหรือน้ำหอมกลิ่นที่คุณชอบลงบนถุงเท้า (ที่ซักแล้ว)
3. อบไอน้ำด้วยตัวเอง โดยหากาละมังใส่น้ำร้อน แล้วหยดน้ำมันหอมระเหย 15 หยดลงไป
แล้วยื่นหน้าไปใกล้กับกาละมังห่างประมาณ 1 ฟุต แล้วสูดดมความหอมให้ชื่นใจ
4. ขณะที่คุณนอนหลับให้ดมยาหม่อง หรือนำมันวิกวาโปลับ ถ้าคุณชอบกลิ่นของมัน เพราะจะทำให้คุณหายใจคล่องและหลับสบายขึ้น ถ้าคุณไม่ชอบก็ให้ลองใช้น้ำมันหอมระเหยหยดที่บริเวณปลอกหมอน
5. จุดเทียนหอมหรือเตาหอมในห้องนอน หรือห้องทำงานของคุณ
6. หยดน้ำมันหอมระเหย ในกระเป๋าของคุณ หรือหยดในทิชชู ผ้าเช็ดหน้าที่คุณใช้บ่อยๆ

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

เคล็ดลับช่วยดวงตาสดใส หลังร้องไห้มาอย่างหนัก



          เชื่อว่าผู้หญิงหลายคนเป็นสาวเจ้าน้ำตา เพราะชีวิตมีสุขมันก็ต้องมีทุกข์เคล้าคลอกันไปเป็นธรรมดา บางทีอาจจะเหน็ดเหนื่อยกับงาน ชีวิตคู่ หรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่ต้องทำให้เสียน้ำตาไปหลายลิตร ซึ่งเมื่อตื่นขึ้นมาอีกวันความทุกข์อาจจะลดหายไปบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่จะมาอยู่คู่กับคุณแทน ก็คืออาการตาบวมนั่นเอง แต่จะทำอย่างไรดีเพื่อให้ดวงตาดูสดใสขึ้นได้ล่ะ ? วันนี้กระปุกดอทคอมมีคำตอบมาให้สาว ๆ แล้วจ้า


 ใช้เจลลดอาการตาบวม

          การใช้เจลบำรุงผิวบริเวณรอบดวงตา ก็เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการบรรเทาตาบวม โดยเมื่อซื้อเจลบำรุงรอบดวงตามาใช้แล้ว ให้แช่ไว้ในตู้เย็น เวลาเกิดอาการตาบวมขึ้นมา ให้หยิบมาทารอบดวงตาด้วยปริมาณไม่เยอะมาก จะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น แถมอาการบวมรอบดวงตาก็จะค่อย ๆ ลดลงด้วย หากใครที่กำลังจะเลือกซื้อเจลบำรุงรอบดวงตา ก็ควรเลือกแบบที่มีส่วนประกอบของน้ำมันอัลมอนด์, สารสกัดจากว่านหางจระเข้, สารสกัดจากโปรตีนข้าวสาลี และคาเฟอีน จะช่วยได้มากเลยทีเดียว

 ประคบด้วยผ้าร้อนสลับเย็น

          หากต้องการลดอาการบวมอย่างรวดเร็ว หลังจากตื่นนอนแล้ว ก็ให้รีบหาผ้าร้อนมาโปะที่ดวงตา สลับกับการนำผ้าเย็นมาโปะบ้าง จะช่วยทำให้การไหลเวียนที่รอบดวงตาดีขึ้น แล้วอาการบวมที่ดวงตาจะค่อย ๆ ลดลงจนหายไปในที่สุด

 เติมความสดใสด้วยเครื่องสำอาง

          ทิ้งความทุกข์ทั้งหมดไปกับเมื่อวาน แล้วเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสวยสดใสอย่างที่เคย โดยการอัพลุคใหม่ด้วยการแต่งหน้า โดยให้ใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดร่องรอยและความคล้ำต่าง ๆ รอบดวงตา จากนั้นต่อด้วยการแต่งตาให้สดใสด้วยมาสคาร่า แล้วอาจจะตบท้ายด้วยการใช้ไฮไลท์สีสว่างปัดไปใต้ตา เพื่อช่วยให้ดวงตาสว่างสดใสขึ้น แค่นี้ก็ไม่มีใครรู้แล้วล่ะว่าเมื่อคืนน่ะคุณร้องไห้มาหนักแค่ไหน

          การร้องไห้ถือเป็นการช่วยระบายความทุกข์ในใจอย่างหนึ่ง แต่ถ้าคุณสาว ๆ ร้องไห้ก็อย่าใช้มือขยี้ตานะคะ เพราะการใช้มือขยี้ตานี่แหละเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตาบวมได้ แต่หากตาบวมขึ้นมาจริง ๆ ก็ลองนำเคล็ดลับที่เรานำมาฝากไปใช้ได้เลยจ้า


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

คุณเซ็กซี่แค่ไหน...ราศีเกิดก็เกี่ยวนะ !




คุณเซ็กซี่แค่ไหน...ราศีเกิดก็เกี่ยวนะ ! (Lisa)
          นอกจากจะบอกได้ถึงบุคลิกภาพและเส้นทางชีวิตแล้ว ราศีเกิดยังชี้นัยความเซ็กซี่ของคุณได้ด้วยนะ ซึ่งตามหลักโหราศาสตร์แล้ว คนเราจะเกิดภายใต้ราศีใดราศีหนึ่ง ซึ่งถูกกำหนดโดยปัจจัย 4 ประการ วันเกิด เวลาเกิด และปีเกิด ซึ่งเราต่างคุ้นเคยกันดีในเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เราไม่คุ้นเคยก็คือ ความจริงที่ว่า ราศีเกิดยังสามารถบอกได้ถึงเรื่องทางเพศของคุณ ซึ่งถึงแม้จะเป็นคุณลักษณะทั่ว ๆ ไป แต่มันก็เป็นความจริงสำหรับหลาย ๆ คน


ความเซ็กซี่ของแต่ละราศี

          ชาวราศีมังกร จะพยายามและมุ่งมั่น กับทุกโอกาสที่ได้มา สำหรับการเมกเลิฟ

          ชาวราศีกุมภ์ ราศีที่ต้องการความหลากหลายและคุณภาพในเรื่องเซ็กส์

          ราศีมีน เป็นพวกที่ต้องการแรงใจอย่างมากในเรื่องการแสดงออก บางทีอาจเพราะความสมบูรณ์แบบแทบจะทุกด้าน จึงทำให้พวกเขากลัวจะทำได้ไม่ดีอย่างที่คาดไว้

          ชาวราศีเมษ ตามบุคลิกจะเป็นคนใจเย็น ฉลาด และมักจะนุ่มนวล

          ชาวราศีพฤษภ ที่มักจะร้อนแรง และเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ไม่รู้จักพอในเรื่องความเสน่หา

          ชาวราศีเมถุน ซึ่งรู้จักกันว่าเป็นคนเจ้าชู้ แต่ก็มักเอาแน่เอานอนไม่ได้ในเรื่องพฤติกรรม เพราะมักใช้อารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ 

           ชาวกรกฎ อาจเป็นพวกใจเย็น แต่เมื่อถูกปลุกเร้าขึ้นมาแล้วก็สามารถร้อนแรงได้อย่างมาก แต่อาจหมดความสนใจได้ง่ายดาย และต้องการแรงกระตุ้นอยู่เป็นประจำ

           ชาวราศีสิงห์ มักจะเร่าร้อนเกินกว่าจะรับมือได้ง่าย ๆ !

           ชาวราศีกันย์ ก็เต็มไปด้วยความร้อนแรง แต่มักชืดชาได้ง่าย เมื่อได้รับความพอใจแล้ว 

           ชาวราศีตุลย์ ถือเป็นคนที่มีความสุขที่สุดก็ว่าได้ เพราะพวกเขามักจะโรแมนติก และมองโลกในแง่ดี พวกเขามักจะคิดว่ามีสิ่งที่ดีกว่ารอพวกเขาอยู่เสมอ 

           ชาวราศีพิจิก สำหรับการเมกเลิฟ เขาจะคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นที่สุด

           ชาวราศีธนู เป็นพวกมีอารมณ์ขัน และมักโรแมนติก
  

แล้วราศีไหนเซ็กซี่ที่สุด?

1. ราศีพิจิก (24 ตุลาคม – 22 พฤศจิกายน) 

          เป็นราศีที่เซ็กซี่ที่สุด ถ้าคุณเคยเดตกับคนราศีนี้ คุณจะรู้ว่าชาวแมงป่องมีอำนาจที่ยากจะต้านทาน แม้แต่คนที่ดูน่าเกลียดก็ยังสามารถทำให้คนอื่นทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ มันเหมือนพวกเขามีแรงดึงดูดที่ส่องประกายออกมาจากดวงตา เมื่อพวกเขาคุยกับคุณ 

          เมื่อคนอื่นถามคุณว่าคุณเห็นอะไรในตัวชาวพิจิก คุณจะไม่สามารถอธิบายได้ ความลึกลับรอบตัวชาวพิจิกทำให้ทุกคนเกิดอารมณ์ และนอกเหนือจากความน่าประหลาดใจทั้งหลายแล้ว พวกเขายังเป็นฮีโร่เป็นคนที่ไว้วางใจได้ และมีความยืดหยุ่นที่สุด ราศีหนึ่ง ถ้าคุณอยากจะหว่านเสน่ห์ให้ชาวพิจิกให้คุณใส่เสื้อผ้าสีดำเข้าไว้ และแสดงความสนใจพวกเขาอย่างชัดเจน ชาวพิจิกยังมักตกหลุมรักคนที่เป็นศิลปินและคนมีปัญหา

2. ราศีสิงห์ (23 กรกฎาคม – 23 สิงหาคม)

          เป็นราศีที่เซ็กซี่รองลงมา แต่อย่าบอกชาวสิงห์แบบนั้นนะ เพราะพวกเขาจะไม่พอใจที่ไม่ได้เป็นที่หนึ่ง ชาวสิงห์เป็นพวกเจ้าหลักการ อบอุ่น และมองโลกในแง่ดี ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกดึงดูดใจจากความอบอุ่นและความมีเสน่ห์ที่พวกเขาส่งออกมา สิ่งที่ชาวสิงห์จะทำให้คุณรู้สึกก็คือคุณเป็นศูนย์กลางของโลก ซึ่งสำหรับคนจำนวนมากความรู้สึกเช่นนี้เป็นเรื่องเซ็กซี่จริง ๆ 

          ปัญหาในการเดตกับชาวสิงห์ก็คือ "ความเรื่องมาก" ของพวกเขาและนิสัยชอบสั่งหรือเผด็จการ ชาวสิงห์มีรอยยิ้มมีเสน่ห์ที่สุด และสำหรับคนจำนวนมาก มันเป็นสิ่งที่พวกเขาทำให้คุณขึ้นเตียงกับเขาได้ง่าย ๆ ถ้าคุณอยากให้ชาวสิงห์สนใจ เยินยอเขา และหยอกล้อด้วยความรัก พวกเขาจะสนใจคนที่ดูโดดเด่นตลอดเวลา และใส่เครื่องประดับเยอะ ๆ
 
3. ราศีกรกฎ (22 มิถุนายน – 22 กรกฎาคม) 

          เป็นราศีที่เซ็กซี่เป็นอันดับ 3 ชาวกรกฎส่วนใหญ่เป็นพวกมีอารมณ์ขัน และสามารถลึกซึ้งได้อย่างมาก คุณจะสนใจเขาด้วยใบหน้าที่ดูอารมณ์ดีและอาหารจากรสมือของชาวราศีนี้ที่อร่อยเลิศ ชาวกรกฎเป็นพวกโรแมนติกที่สุด เพราะฉะนั้นเขาจะจำวันที่เจอกันได้ วันที่เริ่มคบกันอย่างจริงจัง วันที่กินอาหารด้วยกันวันแรก และเรื่องอื่น ๆ อีกไม่รู้จบ 


          ข้อเสียของชาวกรกฎก็คือ อารมณ์ร้าย ๆ ของพวกเขา และการเกาะติดที่อาจทำให้คุณประสาทเสีย แต่ถ้าคุณสามารถทนกับด้านมืดของพวกเขาได้ คุณจะมีคนทำครัว และดูแลบ้านให้ไปตลอดชีวิต ชาวราศีนี้ยังหิวโหยเซ็กส์ คุณจึงสามารถร้อนแรงกับคนพวกนี้ได้อย่างเต็มที่เลย ถ้าคุณอยากให้ชาวกรกฎสนใจคุณ เล่าให้เขาฟังว่าคุณรักแม่มากแค่ไหน และบอกว่าคุณบริจาคเงินช่วยสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์ แสดงตัวเหมือนคนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และร้องไห้เยอะ ๆ ต่อหน้าเขาพวกเขาชอบแบบนั้น

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557

วิธีดูแลผิวแพ้ง่าย 7 ข้อ ที่คุณสาว ๆ ควรรู้



วิธีดูแลผิวแพ้ง่าย ช่วยให้คนที่มีสภาพผิวแพ้ง่าย กลับมาอวดผิวสวยได้อีกครั้ง

          คงไม่มีใครอยากจะเกิดมาเป็นคนผิวแพ้ง่ายหรอกจริงไหมล่ะคะ เวลาเกิดอาการแพ้มีผื่นคันมาที ก็ต้องเสียเงินไม่น้อยเมื่อไปพบแพทย์และต้องดูแลตัวเองให้ดีมากกว่าคนอื่นหลายเท่า แต่ถ้าหากคุณรู้จักวิธีดูแลผิวของตัวเอง ไม่ให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองได้ง่าย ๆ ก็จะช่วยให้ผิวคุณไร้ปัญหาและไม่ต้องไปพบแพทย์ด้วย วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำ 7 วิธีดูแลผิวสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายมาฝากกันค่ะ ถ้าทำตามนี้รับรองว่าผิวจะไร้ปัญหาเลยล่ะ
       ล้างหน้าบ่อย ๆ 
          ถ้าคุณเป็นสาวผิวแพ้ง่าย ควรจะล้างหน้าให้สะอาดเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่บนใบหน้าบ่อย ๆ สัก 3-4 ครั้งต่อวัน เพื่อช่วยป้องกันการเกิดสิวที่คอยมากวนใจ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของซาลิไซลิก เอซิด มาล้างตอนเช้าและก่อนนอน ส่วนระหว่างวันให้ใช้น้ำสะอาดล้างหน้าก็พอแล้ว

       บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์

          คนที่ผิวแพ้ง่าย มักจะเกิดอาการผิวหน้าแห้งหรือระคายเคืองบ่อย ๆ ฉะนั้นควรหามอยส์เจอไรเซอร์ที่มอบความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยเริ่มจากการล้างหน้่าให้สะอาด เช็ดให้แห้งสนิท จากนั้นก็ลงมอยส์เจอไรเซอร์ให้ทั่วหน้า แล้วใช้นิ้วนวดวน ๆ จนกว่าจะซึมเข้าผิวให้หมด หากหน้าไม่แห้งหรือแสบแดงแล้ว ปัญหาผิวต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาสิวก็จะไม่มายุ่มย่ามแน่นอน

      ทาครีมกันแดด

          แม้ว่าจะเป็นสาวผิวแพ้ง่าย แต่คุณก็ยังต้องการการทากันแดดอยู่นะคะ เพราะความจริงแล้วรังสียูวีจากแสงแดดนี่แหละ ที่เป็นตัวการทำให้ผิวแพ้ง่ายเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ ฉะนั้นลงทุนกับการซื้อครีมกันแดดดี ๆ ที่ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้ระคายเคือง ทาลงไปบนผิวให้ทั่วก่อนออกจากบ้านทุกครั้งจะดีที่สุด

       อย่าแต่งหน้าเยอะเกิน

          รู้อยู่แล้วล่ะว่า ผู้หญิงเราทุกคนก็อยากอัพสวยด้วยการแต่งหน้ากันทั้งนั้น แต่หากคุณเป็นคนที่ผิวแพ้ง่าย แล้วแต่งหน้าแบบจัดเต็มเข้าไปอีกล่ะก็ มีหวังสิวขึ้นและปัญหาผิวตามมากันเป็นพรวนแน่ ๆ เลย ทางที่ดีลองเลือกใช้เครื่องสำอางที่เหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่ายและแต่งให้น้อยที่สุด แล้วหลีกเลี่ยงการใช้รองพื้นไว้ก่อน เพราะรองพื้นนี่แหละที่จะเข้าไปอุดตันรูขุมขนจนทำให้เกิดสิวขึ้นเต็มหน้า

       อย่าจับหน้าบ่อย

          มือของคนเรานี่แหละ เป็นแหล่งรวมเชื้อโรคสกปรกทั้งหลาย ก็ลองคิดดูสิว่าวัน ๆ หนึ่งเราจับอะไรกันมาหลายร้อยแปดอย่าง หากจะเอามาจับหน้าอีกก็คงหนีไม่พ้นสิวจะต้องมาโผล่ให้เห็นแน่นอน ทางที่ดีควรพกเจลล้างมือติดตัวหรือล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อย ๆ ก่อนจะจับหน้า เวลารู้สึกคันหน้าให้ใช้ผ้านุ่ม ๆ ถูเบา ๆ ก็พอแล้ว หากใครติดนิสัยเท้าคางก็เลิกด่วน ๆ เลยจ้า

       ทดสอบอาการแพ้ด้วยแพทช์เทสต์

          ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนผิวแพ้ง่ายมาก คุณควรจะทำแพทช์เทสต์ (Patch Test) เพื่อทดสอบผลิตภัณฑ์ว่าจะทำให้ผิวระคายเคืองหรือไม่ก่อนจะใช้จริง โดยทดลองนำผลิตภัณฑ์ไปทาลงบนแขนหรือหลังหูก่อน หากมีอาการคันเกิดขึ้น แสดงว่าคุณแพ้ผลิตภัณฑ์ตัวนั้น ก็ควรจะทิ้งไปหรือยกให้คนอื่นไปจะดีกว่า

       ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

          ไม่ว่าจะออกกำลังกายด้วยวิธีไหน ก็ส่งผลดีต่อผิวที่แพ้ง่ายทั้งนั้นแหละ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยลดการผลิตน้ำมันในผิว ที่เป็นสาเหตุของการทำให้เกิดหน้ามันและสิวบนใบหน้า แค่เพียงเดินเล่นไปเรื่อย ๆ สัก 30 นาที ก็ช่วยให้ผิวใสไร้สิวได้แล้ว ยิ่งใครมีโอกาสฝึกโยคะวันละ 50 นาที จะยิ่งดีกับผิวของคุณมากขึ้นไปอีก


          สาวผิวแพ้ง่ายไม่ต้องกังวลกันแล้วนะคะ เพราะวิธีเหล่านี้ดีต่อผิวของคุณจริง ๆ ถึงแม้ว่าสาวผิวแพ้ง่ายต้องเสียเวลาดูแลและระมัดระวังการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากกว่าคนอื่น แต่การยอมใช้เวลาดูแลผิวมากขึ้นสักหน่อยก็ช่วยทำให้ผิวของคุณสวยโดยไม่ต้องเสียเงินหาหมอเลยนะ